เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (8 ก.พ.) ตำรวจของรัฐบาลกลางได้ออกมาอ่านแถลงการณ์ของศาลที่ระบุว่า จาอีร์ บอลโซนาโร และพันธมิตรทางการเมืองของเขาจำนวนหนึ่ง ได้วางแผนพยายามก่อรัฐประหาร
มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บอลโซนาโร ที่กำลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในขณะนั้นอยู่ในอำนาจต่อไป
โดยศาลสูงสุดได้ออกเอกสารคำสั่งความยาว 134 หน้า มอบหมายให้ตำรวจของรัฐบาลกลางเริ่มปฏิบัติการบุกค้นที่พักอาศัยและสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ประธานาธิบดีฮังการีลาออก เซ่นปมอภัยโทษคดีล่วงละเมิดทางเพศ
กองทัพอิสราเอล แฉคลิป พบอุโมงค์กลุ่มฮามาส ใต้อาคารตึกยูเอ็น
และในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐบาลกลาง ได้เดินทางไปยังบ้านพักตากอากาศของบอลโซนาโร ในนครรีโอเดจาเนโร ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนใต้ของบราซิล เพื่อเข้าค้นบ้านและยึดหนังสือเดินทางตามคำสั่งศาล
นอกจากนี้ บอลโซนาโรยังถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ ติดต่อกับบุคคลอื่น รวมถึงปฏิบัติหน้าที่สาธารณะ
นอกจากอดีตประธานาธิบดีแล้ว เจ้าหน้าที่ยังเข้าค้นที่พักอาศัยของพันธมิตรทางการเมืองของบอลโซนาโรจำนวน 33 คน ในจำนวนนี้มีอดีตรัฐมนตรีกลาโหม อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และอดีตหัวหน้ากองทัพเรือ
ขณะเดียวกัน ศาลยังออกหมายค้นบ้านและหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีก 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กองทัพบก 2 นายและอดีตผู้ช่วยระดับสูงของบอลโซนาโร 2 คน
หลังจากการเข้าบุกค้นของตำรวจ จาอีร์ บอลโซนาโร ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง โดยเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และกล่าวว่าตนเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์ของข้อกล่าวหาที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
พร้อมทั้งเสริมว่า เขาไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลบราซิลมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ยังคงถูกก่อกวนอย่างต่อเนื่อง ขอให้ทุกคนเลิกสนใจเขาได้แล้ว และตอนนี้ก็มีคนอื่นมาบริหารประเทศแล้ว
ด้าน ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดาซิลวา ประธานาธิบดีบราซิลคนปัจจุบันก็ได้พูดถึงประเด็นนี้ ระหว่างที่กำลังให้สัมภาษณ์กับรายการวิทยุแห่งหนึ่ง โดยเขาระบุว่า บอลโซนาโรไม่คิดจะยอมรับความพ่ายแพ้ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2022 จึงวางแผนก่อรัฐประหาร เพราะอะไรศาลจึงได้ตัดสินใจตั้งข้อหาพยายายามก่อรัฐประหาร ให้กับ จาอีร์ บอลโซนาโร และพันธมิตรของเขา
ส่วนหนึ่งของเอกสารคำสั่งศาลจำนวน 134 หน้าระบุว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2022 หลังจากบอลโซนาโรแพ้การเลือกตั้งให้กับลูลา ดาซิลวา ผู้ช่วยระดับสูงของเขาได้นำร่างเอกสารทางกฎหมายมาให้ โดยอ้างว่า ศาลสูงสุดบราซิลแทรกแซงกิจการของฝ่ายบริหารอย่างผิดกฎหมาย
ภายใต้เอกสารทางกฎหมายดังกล่าวได้มีคำสั่งให้จับกุมผู้พิพากษาศาลสูงสุด 2 คนและประธานวุฒิสภา รวมถึงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกด้วย
ในตอนนั้น บอลโซนาโรได้แก้ไขเอกสารเล็กน้อย โดยเปลี่ยนให้จับกุมผู้พิพากษาสูงสุดเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือ อเล็กซานเดร เดอ มอเรส เนื่องจากเขาเป็นผู้พิพากษาเพียงคนเดียวที่ดูแลการสืบสวนบอลโซนาโรและพันธมิตรของเขาตลอดหลายปี ส่วนข้อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ยังคงอยู่
หลังจากปรับเปลี่ยนร่างกฎหมายแล้ว บอลโซนาโรได้เรียกพบผู้บัญชาการทหารที่ทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อนำเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว และกดดันให้ผู้บัญชาการทหารสนับสนุนในการก่อรัฐประหารด้วย
นอกจากนี้ เอกสารของศาลยังเปิดเผยอีกว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2022 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสามเดือน บอลโซนาโรได้เรียกประชุมและสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง รวมถึงผู้นำทางการทหารกระจายข่าวลือว่ามีการโกงเลือกตั้ง แม้จะไม่มีหลักฐานก็ตาม
โดยให้อ้างว่า ระบบการลงคะแนนเสียงแบบอิเล็กทรอนิกส์มีการโหลดผลลัพธ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว และผู้พิพากษาศาลเลือกตั้งก็ได้รับสินบนหลายสิบล้านดอลลาร์
จากนั้น เขาก็ขอให้รัฐมนตรีและผู้นำทางการทหารลงนามในจดหมายที่ระบุว่าระบบการเลือกตั้งของบราซิลไม่มีความน่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตาม จดหมายดังกล่าวไม่เคยถูกเปิดเผยออกมา แต่มีรายงานว่ารัฐมนตรีและผู้นำทางการทหารหลายคนเห็นด้วยกับบอลโซนาโร
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ศาลเปิดเผยออกมานั้น ได้อ้างอิงตามบันทึกทางโทรศัพท์และคำให้การจากอดีตผู้ช่วยส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดีบราซิลรายนี้
นอกเหนือจากข้อหาพยายามก่อรัฐประหารแล้ว บอลโซนาโรยังถูกศาลดำเนินคดีอีกอย่างน้อย 16 คดี ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับตอนที่เขายังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับการจัดการกับโควิด-19 และคดีที่เกี่ยวกับเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และศาลสูงสุดเมื่อวันที่ 8 มกราคมปี 2023 โดยเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ยุยงปลุกปั่นผู้สนับสนุนของตนเองให้ก่อจลาจล แต่บอลโซนาโรก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนปี 2023 ศาลเลือกตั้งบราซิลได้ลงมติให้ ตัดสิทธิบอลโซนาโร ในการลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีไปจนถึงปี 2030 พร้อมระบุสาเหตุว่า บอลโซนาโรมีการใช้อำนาจในทางที่ผิด รวมถึงชักจูงผู้คนให้เกิดข้อสงสัยในระบบการเลือกตั้งออนไลน์ของประเทศ ซึ่งถือเป็นบ่อนทำลาย ประชาธิปไตยของบราซิล
ทั้งนี้ จาอีร์ บอลโซนาโร เป็นประธานาธิบดีคนที่ 38 ของบราซิล โดยเริ่มดำรงตำแหน่งประธานาธิบตั้งแต่ปี 2019 ก่อนที่จะแพ้การเลือกตั้งในปี 2022 ให้กับลูลา ดาซิลวา
เขามีฉายาว่า “Tropical Trump” หรือทรัมป์แห่งเขตร้อน เพราะมีแนวความคิดขวาจัดและอุปนิสัยขวางโลกแบบเดียวกับโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตผู้นำสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลา 4 ปีที่บอลโซนาโรดำรงตำแหน่ง ผลงานของเขาไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ทั้งยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหลายประเด็น
ประเด็นหลักที่ถูกวิจารณ์ คือ การรับมือการระบาดของโควิด-19 รัฐบาลของบอลโซนาโรแก้ปัญหาได้ย่ำแย่ จนทำให้มีชาวบราซิลเสียชีวิตกว่า 700,000 ราย สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก หนึ่งในสาเหตุสำคัญมาจากการที่บอลโซนาโรไม่เชื่อว่าโควิดเป็นโรคที่ร้าย
นอกจากนี้ ตัวเขายังต่อต้านนโยบายสาธารณสุขอย่างหนัก ในปี 2020 เพียงปีเดียวบอลโซนาโรสั่งเปลี่ยนเจ้าหน้าที่กระทรวงไปถึง 3 คน ส่วนอีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ นโยบายของบอลโซนาโรเกี่ยวกับป่าแอมะซอนคำพูดจาก เว็บสล็อตแมชชีน
ป่าแอมะซอนเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนที่สำคัญ โดยประมาณร้อยละ 20 ของปริมาณออกซิเจนบนโลกผลิตจากป่าแอมะซอน
ทำให้ผืนป่าแห่งนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญที่สุดในการสร้างสมดุลสภาพภูมิอากาศของโลก ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ตาม บอลโซนาโรได้มีนโยบายลดการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในป่าแอมะซอนลง พร้อมให้เหตุผลว่ารัฐบาลควรใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวเพื่อลดความยากจนของประชาชนในประเทศ นอกจากนี้ มีการปรับบทลงโทษตามกฎหมายคุ้มครองป่าให้เบาลง ตัดงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบในการดูแลผืนป่าถึงร้อยละ 50 ประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงานเหล่านั้นจึงลดลง อัตราการตัดไม้ทำลายป่าจึงเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ทุกๆ วันจะมีพื้นที่ป่าขนาดเท่าสนามฟุตบอลหลายแห่งถูกทำลาย ด้วยฝีมือจากกลุ่มค้าไม้เถื่อนและการลักลอบทำเหมืองทองคำ
ภายใต้การนำของบอลโซนาโร การตัดไม้ทำลายป่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เฉพาะ 4 เดือนแรกของปี 2020 การตัดไม้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019
นอกจากนี้ ยังมีการจุดไฟเผาป่าเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้กับการทำปศุสัตว์ รวมถึงถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขับไล่ชนพื้นเมืองออกจากพื้นที่ เพื่อให้บริษัทเอกชนสามารถเข้าไปทำธุรกิจเหมืองแร่ได้
มีรายงานพบเหตุไฟป่าในแอมะซอนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 85 ในช่วงที่บอลโซนาโรเป็นผู้นำ